ข้อสอบปลายภาควิชากฎหมายการศึกษา
1. ให้นักศึกษาอธิบาย คำว่า ศีลธรรม จารีตประเพณี และกฎหมาย
เหมือนหรือต่างกันอย่างไร (5 คะแนน)
ตอบ ศีลธรรม : ศีล คือข้อห้ามตามความรู้สึกคนทั่วไป
+ ธรรมะทางพระพุทธศาสนา
ศีลธรรมก็คือ ข้อบัญญัติที่กำหนดทางปฏิบัติกายวาจา
ทางพุทธศาสนา อาทิเช่น ศีล 5 ศีล 8 ดังนั้นศีลธรรมหมายถึง หลักแห่งความประพฤติดีประพฤติชอบอันเนื่องมาจากคำสอนทางศาสนา
จารีตประเพณี
: คือประเพณีที่นิยมและประพฤติปฏิบัติที่สืบทอดกันมาช้านานและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมปัจจุบันนี้ด้วย
และจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง
หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองหรือศีลธรรมอันดีทั้งหลายของคนในสังคม
ซึ่งจารีตประเพณีนั้นจะต้องเป็นจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
เช่น งานประเพณีแห่พระแข่งเรือ
เป็นประเพณีเก่าแก่ของอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งประเพณีแห่พระแข่งเรือ มีมากกว่า
๑๐๐ ปีมาแล้ว
กฎหมาย : คือเป็นกฎเกณฑ์ หรือข้อบังคับที่ใช้ควบคุมความประพฤติของคนในสังคมหรือที่เกิดขึ้นจากจารีตประเพณีอันเป็นที่ยอมรับนับถือ
เพื่อใช้ในการบริหารประเทศ ซึ่งกฎหมาย จะมีลักษณะเป็นคำสั่ง ข้อห้ามที่มาจากผู้มีอำนาจสูงสุดในสังคม
เช่น คสช โดยจะใช้บังคับได้ทั่วไป ใครที่ฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังนั้น ศีลธรรม จารีตประเพณี และกฎหมายมีความเหมือนกันตรงที่มีความหมายหรือคำนิยามที่ให้คนทุกคนอยู่ในความประพฤติที่อยู่ภายใต้กฎระเบียบส่วนข้อที่แตกต่างกันอย่างสำคัญเลยก็คือ
บทลงโทษของผู้ฝ่าฝืน ซึ่งในส่วนของกฎหมายนั้นเมื่อมีบุคคลกระทำความผิดก็จะต้องได้รับบทลงโทษที่ชัดเจนแน่นอน
ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ในขณะที่ศาสนาหรือศีลธรรมนั้น ผู้ฝ่าฝืนย่อมไม่ได้รับผลร้ายในทางกายภาพอย่างแน่นอนชัดเจน
คงจะมีแต่เพียงความเชื่อที่ว่าผู้ฝ่าฝืนจะได้รับผลร้ายในแง่ของจิตใจหรือจิตวิญาญาณ
ที่เราเรียกกันว่า เคราะห์กรรมแต่เพียงเท่านั้น
2. คำว่าศักดิ์ของกฎหมาย คืออะไร มีการจัดอย่างไร
โปรดยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช. พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา
พระราชบัญญัติ เทศบัญญัติ พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง (5 คะแนน)
ตอบ ศักดิ์ของกฎหมาย คือ
ลำดับชั้นของกฎหมาย
หรือ ลำดับความสูงต่ำของกฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน
การจัดแบ่งลำดับชั้นของกฎหมายไทยสามารถจัดแบ่งลำดับชั้น ออกเป็น
7
ประเภท ดังนี้
1.
รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายใดไม่วามารถขัดแย้งได้
โดยรัฐธรรมนูญจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้อำนาจอธิปไตย ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการเมือง
สิทธิเสรีภาพของประชาชน
2.
พระราชบัญญัติและประมวลกฏหมาย เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นผู้อนุญาต
ซึ่งได้คำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา และเนื้อหาของพระราชบัญญัตินั้นจะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
3.
พระราชกำหนด เป็นกฎหมายหรือพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นโดยฝ่ายบริหารหรือคณะรัฐมนตรี
มีศักดิ์เท่ากับพระราชบัญญัติทุกประการ ต่างกันแต่วิธีการตรากฎหมายเท่านั้น
4. ประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้บังคับ
เช่นพระราชบัญญัติ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้มอบอำนาจให้พระมหากษัตริย์ทรงออกกฎหมายในรูปพระบรมราชโอการได้
5. พระราชกฤษฎีกา เป็นบัญญัติแห่งกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้น
โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ
หรือพระราชกำหนดเพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย และพระราชกำหนด
6. กฎกระทรวง เป็นบทบัญญัติหรือกฎหมายรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งเสนาบดีกระทรวงหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (ในปัจจุบัน)
เป็นผู้ตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติหรือกฎหมายอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ
เช่น พระราชกำหนด หรือ ประมวลกฎหมาย
โดยที่กฎกระทรวงนี้จะต้องไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายอื่นๆ
7. ข้อบังคับหรือข้อบัญญัติ เป็นกฎหมายขององค์กรปกครองท้องถิ่น เช่น เทศบาล
กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เป็นต้น
8.
เทศบัญญัติเป็นกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติเทศบาล
การแบ่งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเป็น 3 ระดับคือ เทศบาลตำบล
เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร
3. แชร์กันสนั่น ครูโหดทุบหลังเด็กซ้ำ
เหตุอ่านหนังสือไม่ได้ ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ
"กวดวิชา เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ
โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า "วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ชั้น ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา สภาพแย่มาก
(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้) ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา เห็นแล้วรับไม่ได้เลย
มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด
ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า
แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้ แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้
มันยากที่จะหาย บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป"
จากข้อความดังกล่าวในฐานะนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษาคิดอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งทุกคนจะต้องไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นี้
ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นปรากฏการดังกล่าวนี้ (5 คะแนน)
ตอบ ในฐานะดิฉันเป็นนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษา ดิฉันมีความคิดเห็นว่าในการสอนเด็กนักเรียน
ซึ่งยังมีอายุแค่ 6ขวบนั้น ซึ่งเด็กในวัยนี้ส่วนใหญ่ผ่านโรงเรียนระดับอนุบาลมาแล้ว
บางคนอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวในการเรียนระดับประถม เพราะในระดับอนุบาลไม่ต้องเรียนอะไรมาก
ดังนั้นในการสอนที่ดีควรจะค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย สอนวันละนิดๆแต่ต้องสอนย้ำๆสอนทุกวัน
สอนให้นักเรียนได้ฝึกเขียน ฝึกอ่านและฝึกพูดไปเรื่อยๆ
แล้วนักเรียนก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
และการที่ครูจะเป็นที่รักแก่ศิษย์ได้นั้น
ก็ควรตั้งตนอยู่ในพรหมวิหาร 4 คือ 1)มีเมตตา ปรารถนาดีต่อศิษย์ 2)มีกรุณา
สงสาร เอ็นดูศิษย์ อยากช่วยเหลือให้ศิษย์ได้เรียนหนังสือที่เก่งขึ้น 3)มีมุทิตา คือ
ชื่นชมยินดีเมื่อศิษย์ได้ดี และ4)มีอุเบกขา คือ
วางตัวเป็นกลาง จิตใจที่ตั้งอยู่ในความยุติธรรม ไม่ลำเอียง ไม่มีอคติ
ด้วยเพียงเท่านี้ก็จะไม่เกิดปัญหาทั้งครูและนักเรียน
4. ให้นักศึกษา
สวอท.ตัวนักศึกษาว่าเราเป็นอย่างไร (5 คะแนน)
ตอบ วิเคราะห์ SWOT ตัวเอง
จุดแข็ง
-
มีความอดทนในการทำงานมาก
-
ใจเย็น ไม่วู่วาม สามารถทำงานในสภาวะกดดันได้
-
ตรงเวลาและมักจะไปก่อนเวลาที่กำหนด
-
มีความซื่อสัตย์ สุจริต
-
มีน้ำใจ พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ
จุดอ่อน
-
ตื่นเต้นได้ง่ายเมื่อจะต้องนำเสนองาน
หรือพูดหน้าเสาธงชาติ
-
ไม่ค่อยกล้าแสดงออก
-
ไม่มีความรอบคอบ
โอกาส
-
มีความครอบครัวที่อบอุ่น ดูแลใส่ใจกันเสมอ
-
ทางครอบครัวสนับสนุนให้เรียนต่อ และส่งต่อให้เรียนจบปริญญาตรี
-
มีญาติที่เรียนคณะครุศาสตร์ซึ่งตรงกับที่ดิฉันเรียนอยู่ขนาดนี้
-
มีเพื่อนที่ดี รักและเข้าใจในตัวเรา
อุปสรรค
-
ในการสอบบรรจุจะมีคู่แข่งเยอะมาก
หลากหลายสถาบันทั่วประเทศ
-
ทางครอบครัวต้องส่งเงินให้น้องๆ
ซึ่งขนาดนี้เรียนทุกคนและในระดับที่สูงขึ้น
5. ให้นักศึกษาวิจารณ์อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ในประเด็นการสอนเป็นอย่างไร
บอกเหตุผล มีข้อดีและข้อเสีย (5 คะแนน)
ตอบ สำหรับดิฉันคิดว่าการนำเทคโนโลยีเว็บบล็อกมาให้นักเรียนส่งงาน
ถือว่าเป็นสิ่งดีในการช่วยประหยัดกระดาษในการนำมาใช้
และอีกอย่างหนึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมันมีอิทธิพลต่อนักศึกษาและนักเรียนในยุคปัจจุบันมาก
ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ได้รู้จักการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
ได้เพิ่มทักษะทางด้านการใช้เทคโนโลยี ซึ่งในการได้เรียนรู้ด้วยตนเองนั้นจะยิ่งทำให้ความรู้นั้นคงทนยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังเป็นแนวทางในจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในภายภาคหน้าอีกด้วยด้วยซึ่งอาจารย์ผู้สอนก็ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการสอนเพื่อให้เกิดความรู้ที่เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
ซึ่งถือเป็นสิ่งดีมากๆ