1. เหตุผลทำไมต้องประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545
ตอบ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดให้บิดา
มารดา
หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี
โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็บเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่จะสอบได้ชั้นที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประถมศึกษา
เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
2.ท่านเข้าใจความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545 อย่างไร
ตอบ ก. ผู้ปกครอง: ผู้ปกครอง หมายความว่า บิดามารดา
หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง
หรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และหมายความรวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้การงาน
ข.เด็ก: เด็ก หมายความว่า
เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่เด็กที่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับแล้ว
ค.การศึกษาภาคบังคับ: การศึกษาภาคบังคับ
หมายความว่า การศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถึงชั้นปีที่เก้าของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ง.
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หมายความว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัด
3.กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษอย่างไร
และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน
ตอบ
เจ้าหน้าที่รายงานต่อคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่พบเด็กในสถานที่นั้น
เพื่อดำเนินการให้เด็กเข้าเรียนในสถานศึกษานั้น
และหากผู้ปกครองไม่ส่งเด็กเข้าเรียนตามที่กฎหมายกำหนดนั้น
ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท
4. ให้นักศึกษาสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ 1. ร่างมาตรา 3
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง (ตามมาตรา 9) จากเดิมมี 2
ส่วนราชการได้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
และส่วนราชการที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จึงมีการเพิ่มอีก 2
ส่วนราชการได้แก่กรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดโครงสร้างการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับการแบ่งส่วนราชการในส่วนกลาง (ตามมาตรา 10) กำหนดให้เป็นกรมหรือให้ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินซึ่งมี
3
ส่วนราชการได้แก่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
2. ร่างมาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ
โดยกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเข้ามามีบทบาทส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในรูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(ตามมาตรา 22)
3. ร่างมาตรา 5
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจการบังคับบัญชาของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตามมาตรา 23 (2) (3) ซึ่งส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ที่มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินต้องอยู่ในอำนาจการบังคับบัญชาของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
4. ร่างมาตรา 6 ได้มีการเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดระเบียบราชการในกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
โดยเพิ่มส่วนที่ 4 ได้แก่ มาตรา 32/1 มาตรา 32/2 และมาตรา 32/3
เพื่อรองรับการทำหน้าที่ของส่วนราชการและการแบ่งส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่
รวมทั้งการปกครอง การบังคับบัญชาของอธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นเทียบเท่าอธิบดีในการบริหารราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมรวมตลอดถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกอง
หัวหน้ากองหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
5. ร่างมาตรา 7 ถึงมาตรา 9
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการแทนของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง
หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า (ตามมาตรา 45 มาตรา 46 วรรคหนึ่งและมาตรา 47 วรรคหนึ่ง) ทั้งนี้
เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไป
6. ร่างมาตรา 10 ถึงมาตรา 13
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการรักษาราชการแทนของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกองหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า (ตามมาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 51/1 มาตรา 52 และมาตรา 52/1)
ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไป
7. กำหนดเป็นบทเฉพาะกาล
เพื่อความต่อเนื่องในการปฏิบัติราชการและรองรับส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ให้สามารถบริหารราชการต่อไปได้ซึ่งเกี่ยวกับ
(1)
การโอนบรรดากิจการ
อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ ภาระผูกพันข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ
เงินงบประมาณ
เงินนอกงบประมาณและอัตรากำลังเฉพาะส่วนไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ตามมาตรา 15 ถึงมาตรา 17)
(2)
การโอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับ
อ.ก.พ. สำนักงานปลัดกระทรวง ไปเป็นของ อ.ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
อ.ก.พ.สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและ อ.ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนแล้วแต่กรณี (ตามมาตรา 18 ถึงมาตรา 20)
(3)
การโอนอำนาจหน้าที่
อ.ก.ค.ศ.
เฉพาะส่วนไปเป็นของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(ตามมาตรา 21)
(4)
การปฏิบัติหน้าที่บริหารงานบุคคลเป็นการชั่วคราวของ
อ.ก.พ. สำนักงานปลัดกระทรวง และ อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวง (ตามมาตรา 22 และมาตรา 23)
(5)
การรักษาการตามพระราชบัญญัติของรัฐมนตรี
(ตามมาตรา 24)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น